หนังสือเด็ก หนอนจอมหิว หนังสือยอดนิยม ถูกที่สุด
หนอนจอมหิว (ปกอ่อน)
The Very Hungry Caterpillar
งานเขียนคลาสสิกของอีริค คาร์ล (Eric Carle 1929-2021) ซึ่งเพิ่งจะจากไปเมื่อวันที่ 23 พค ที่ผ่านมาด้วยโรคไตเมื่ออายุ 91 ปี
ฉบับภาษาไทย อริยา ไพฑูรย์ แปล
อีริค คาร์ลเขียนเรื่องหนอนจอมหิวนี้เมื่อปี 1969 ถึงวันนี้ขายไปแล้วมากกว่า 50 ล้านเล่ม ในมากกว่า 60 ภาษาทั่วโลก รวมทั้งภาษาไทย ว่ากันว่าเป็นหนังสือที่ขายได้ 1 เล่ม ทุก 1 นาที
เพราะอะไรเรื่องหนอนผีเสื้อที่ “กลาย” เป็นผีเสื้อถึงได้เป็นที่ชื่นชอบชองเด็กทั่วโลกได้มากมาย?
เหตุผลสำคัญคือหนอนจอมหิวได้ส่งข่าวสารหลายอย่างให้แก่เด็กๆโดยที่เด็กๆมิได้รู้สึกว่ากำลังเรียนหรือรู้อะไร
ซึ่งก็คือหัวใจของหนังสือประเภทสั่งสอนที่จำเป็นต้องทำให้ได้ถึงระดับเด็กๆไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกสอน
และเป็นหัวใจของการศึกษาด้วย
หนอนจอมหิวบอกเล่าเรื่องจำนวนนับ 1-2-3-4-5 บอกเล่าเรื่องวัน บอกเล่าเรื่องสี ชนิดของผลไม้ และชนิดของอาหาร รวมทั้งประเภทของอาหาร
ภาพใหญ่คือเรื่องการกินและการเปลี่ยนผ่าน
เด็กๆชอบกินโดยธรรมชาติ หลักฐานหนึ่งคือยอดขายของหนังสือเล่มนี้ หนังสือทั้งเล่มไม่พูดเรื่องอะไรเลยนอกจากกิน กิน และกิน หนอนจอมหิวฟักออกมาดัง เปาะ! แล้วหิวก่อนเลย
ภาษาอังกฤษเสียงดัง POP!
ฟรอยด์เขียนไว้ว่าเด็กขวบปีแรกหาความสุขทางปาก และปากเป็นเรื่องพื้นฐานที่เป็นฐานรากของมนุษย์ หนอนจอมหิวคือเครื่องยืนยัน มันกินเท่านั้น
ดังนั้น น่าแปลกใจพอๆกับน่าเสียดายที่บางบ้านมีความสามารถทำให้การกินของเด็กๆเป็นความทุกข์ ทั้งที่เด็กๆทุกคนชอบกิน เชื่อว่า BLW เข้าใจและจับจุดนี้ได้จึงประสบความสำเร็จในการทำให้เด็กๆนั่งกินเองอย่างมีความสุขได้ตั้งแต่ก่อนครบ 1 ขวบ!
เด็กๆชอบกินเหมือนหนอนจอมหิว กินจนกระดาษทะลุเป็นรูๆอย่างน่าตื่นตะลึง กิน กิน และกินทุกๆวันตลอดทั้งสัปดาห์จันทร์ถึงศุกร์ (หนังสือฉบับแรกถูกส่งไปพิมพ์เจาะรูที่ญี่ปุ่น ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 วันที่ 3 มิย 1969 จะครบรอบในอีกไม่กี่วันนี้)
จนกระทั่งมาถึงอาหารสารพัดสารเพสะปั๊ดสะเป้ในวันเสาร์
หนอนจอมหิวบอกเด็กๆว่ากินอาหารไม่เลือกเยอะๆแล้วจะท้องอืด แต่ไอติมก็น่าจะโอเคอะนะ ซึ่งแก้ได้ง่ายด้วยการหยุดอาหารไม่มีประโยชน์แล้วกินใบไม้แทนบ้าง
คือกินใบไม้สีเขียวสดใส ทะลุไปอีกห้ารู
นอกเหนือจากลายเส้นที่ขับเน้นการเปลี่ยนผ่าน สีเป็นหัวใจสำคัญที่หนอนจอมหิวสาธิตให้เห็นการเปลี่ยนผ่านอย่างจะแจ้งของสิ่งมีชีวิตที่กินเก่ง รูปผีเสื้อในหน้าสุดท้ายนั้นน่าตื่นตะลึงทั้งด้วยสีและขนาด
ข่าวสารที่ส่งออกมาคือถ้าหนูกินเก่ง หนูจะตัวใหญ่เหมือนหนอนจอมหิวแล้วเปลี่ยนผ่านเป็นผีเสื้อตัวใหญ่แสนสวยสดใส
นอกเหนือจากการกินและการเปลี่ยนผ่านแล้ว หนอนจอมหิวได้ส่งข่าวเรื่อง “เวลา” ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วยกระดาษเพียงไม่กี่หน้า
เพราะเวลาถูกนำไปเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนผ่านจากหนอนเป็นผีเสื้อ หนอนฟักออกมาจากไข่ในคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วหน้ากระดาษพลิกไปทีละ 1 หน้า เท่ากับ 1 วัน 5 วัน = หนอน 2 สัปดาห์ = ผีเสื้อ เพียงเท่านี้เวลาก็มีอยู่จริงอย่างง่ายๆ
มากกว่านี้คือนอนห่มผ้าเหมือนดักแด้ 1 คืนก็โตได้! มันสุดยอดมาก
นอกจากเรื่องกินแล้ว ยังมีอะไรอีกที่เด็กๆอยากได้ถ้าไม่ใช่ หนูอยากโตเร็วๆ แต่อีริก คาร์ลเขียนเรื่องนี้ในวันที่โรคอ้วนในเด็กไม่มากเท่าวันนี้ เรื่องที่เกิดในวันเสาร์จึงควรระมัดระวัง (ยกเว้นไอติม)
เด็กๆมิได้อ่านหนังสือแบบเราอ่าน
พ่อแม่อ่านตัวอักษร แต่เด็กๆอ่าน “แบบแผน” และ “ความน่าจะเป็น”
ทดสอบเรื่องนี้ได้ด้วยการพลิกดูเฉพาะรูปโดยไม่อ่าน เราจะพบรูปแบบตายตัวที่ถูกผลิตซ้ำไปเรื่อยๆหน้าต่อหน้า เสริมด้วยการใช้ความซ้ำๆจนกระทั่งเด็กๆทำนายได้ว่าพ่อแม่จะอ่านว่าอะไรต่อไปตามจังหวะที่ค่อนข้างคงที่ หน้าที่ข้อหนึ่งซึ่งอาจจะสำคัญที่สุดของหนังสือนิทานประกอบภาพสำหรับเด็กที่ยังอ่านหนังสือเองมิได้คือการวาง “โครงสร้าง” การสื่อสารที่มีแบบแผนชัดเจน ก่อนหน้าที่เด็กๆจะเติมเสียงและอักขระเอาเองในวันหน้า
ขอให้สังเกตว่าอีริค คาร์ลเขียนเรื่องนี้เมื่ออายุ 40 ปีแล้ว ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับใครก็ตามที่จะเริ่มเขียน แต่ก่อนจะเขียนจำเป็นต้องอ่าน อ่านมาก และอ่านอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีเท่านั้นที่จะช่วยให้สมองมีวัตถุดิบล้นเกินจนต้องเขียน
และเขียนได้ดีโดยไม่รู้ตัว
ผมเดินเข้าไปในร้านหนังสือวอเตอร์สโตนบนถนนปริ๊นเซสสตรีทที่เอดินเบอระในปีหนึ่ง พบชั้นหนังสือทั้งชั้นของอีริค คาร์ลตั้งเด่น และที่เด่นที่สุดคือหนอนจอมหิวในเวอร์ชั่นต่อๆมา รวมทั้งของที่ระลึกหนอนจอมหิวอีกมากมาย เห็นแล้วก็อดทึ่งในความนิยมที่มีต่อผู้เขียนคืออีริค คาร์ลมิได้ เมื่อไรที่เราจะได้เห็นนักเขียนนิทานประกอบภาพสำหรับเด็กบ้านเราได้รับเกียรติระดับนี้บ้าง
ชีวิตวัยเด็กของอีริค คาร์ลมิได้ราบรื่นมากนัก เขาเกิดที่นิวยอร์ค แต่พ่อแม่ซึ่งเป็นเยอรมันพาเขากลับบ้านเกิดที่สตุตการ์ดเมื่อเขาอายุ 6 ขวบ เป็นปี 1935 ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีของยุโรป
พ่อของเขาไปรบและถูกจับขังคุกที่รัสเซียหลังเยอรมันพ่ายสงคราม เมื่อพ่อเขาได้รับการปล่อยตัวกลับมาบ้านในปี 1947 ก็อยู่ในสภาพแหลกสลายทั้งกายใจ
ตัวอีริคเองเมื่ออายุ 15 ปีก็ถูกเกณฑ์ไปขุดสนามเพลาะด้วย เชื่อว่าเขาได้รับ PTSD ติดตัวกลับมาเช่นกัน กว่าที่เขาจะกลับอเมริกาได้ก็เป็น ปี 1952 อายุ 23 ปี
อีริค คาร์ลเขียนเรื่องนี้ในยุคสงครามเย็น แต่ไม่ได้รับอิทธิพลอะไรจากสงครามเย็นที่เกิดขึ้น เขาใช้สีสดใสชดเชยชีวิตหม่นเศร้าเมื่อเยาว์วัย ทำให้หนอนจอมหิวยังคงกินไม่หยุดยั้งได้จนถึงวันนี้
#childrenpicturebooks